Uncategorized

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.แพร่ ชี้ “กฎกระทรวง การผลิตสุรา”เอื้อทุนผูกขาด(คลิป)

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 1 พรรคก้าวไกล เปรียบเทียบ “ร่าง พรบ.สุราก้าวหน้า “เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อย ต่างจาก “กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565” ที่เหมือนจะเอื้อให้กับกลุ่มทุนขนาดใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่วันที่ 1 พฤศจิกายน ได้มีการออก “กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565” โดยกฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป การประกาศกระทรวงฉบับนี้ ยังเกิดขึ้นก่อนที่ จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 2 พ.ย.65 ซึ่งมีระเบียบวาระ พิจารณา “ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” ที่เป็นร่างของ “พรรคก้าวไกล”

นายติรานนท์ เวียงธรรม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขต 1 พรรคก้าวไกล ได้ให้ความเห็นว่า การออกกฎกระทรวงดังกล่าว ยังมีข้อกำหนดที่เป็นการกีดกันผู้ประกอบการรายย่อยที่ผลิต สุรา และเบียร์ชุมชนอยู่ เนื่องจาก กฎกระทรวงที่ออกมาได้กำหนดผู้ประกอบการการผลิตเบียร์ ได้นั้น จะต้องมีสถานะเป็นโรงงานตาม พ.ร.บ.โรงงาน คือ ต้องมีกำลังการผลิตตั้งแต่ 50 แรงม้า และมี 50 แรงคนขึ้นไป ซึ่งถือเป็นข้อกำหนดให้ผู้ประกอบการรายย่อยไม่สามารถดำเนินการผลิตเบียร์ได้หรือผลิตได้ยาก

อีกทั้งกฎกระทรวงยังกำหนดให้ผู้ประกอบการผลิตเบียร์จะต้องมีเครื่องจักร อุปกรณ์ตามที่กฎกระทรวงกำหนด และกระบวนการบรรจุภาชนะต้องติดตั้งระบบการพิมพ์เครื่องหมายแสดงการเสียภาษีให้มีพร้อม รวมถึงต้องดำเนินการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ว่าการผลิตมีผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ที่จะมีค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายไม่ตำกว่า 3-5 ล้านบาท ที่เป็นค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทที่มาสำรวจเพื่อรายงานให้กับ กรมสรรพสามิต ข้อกำหนดเช่นนี้จึงมีเพียงกลุ่มทุนไม่กี่รายในประเทศที่จะสามารถดำเนินการผลิตได้

ในส่วนของ สุราแช่ หรือ อุ๊ สาโท ไวน์ ที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะดำเนินการผลิตได้จะต้องยกระดับจากโรงงานที่มีกำลังการผลิตต่ำกว่า 5 แรงม้าหรือมีคนงานน้อยกว่า 7 คน และจะต้องมีการดำเนินการมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี และหากมีประวัติการทำผิดและได้รับโทษตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต จะต้องพ้น 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับโทษ ในการที่จะขออนุญาตเป็นโรงงานที่มีอัตรากำลังการผลิตเพิ่มไม่เกิน 50 แรงม้า หรือไม่เกิน 50 แรงคน ส่วนการผลิตสุรากลั่นชุมชน ก็ไม่ต่างจากกฎกระทรวงที่กำหนดให้ผู้ประกอบการ สุราแช่ หรือที่เรียกว่า สาโท และไวน์ เพียงแต่ สุราชุมชน จะเพิ่มข้อกำหนดเพิ่มอีกว่าต้องผลิตสุราได้มาตรฐานตามที่อธิบดีได้กำหนดไว้อีกด้วย

ขณะที่ ผู้ประกอบการ วิสกี้ บรั่นดี ยิน ผู้ประกอบการต้องผลิตได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 ลิตรต่อวัน ส่วนโรงงานผลิตสุราขนาดใหญ่เหล้าขนาดใหญ่หรือโรงงานที่มีกำลังการผลิต 50 แรงม้า ใช่จำนวนแรงงาน 50 คน ต้องมีขนาดกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 90,000 ลิตรต่อวัน ก็มีแต่ทุนขนาดใหญ่ที่สามารถดำเนินการได้

นายติรานนท์ กล่าวอีกว่า จะเห็นได้ว่า กฎกระทรวงในการผลิตสุรา เบียร์ ที่ออกมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 กับ “ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” ของพรรคก้าวไกล มีความแตกต่างกันอย่างมาก เนื่องจากกฎกระทรวง มีข้อจำกัดกีดกันผู้ประกอบการรายย่อยไม่ให้สามารถพัฒนา หรือไม่ให้โต แต่กลับมีข้อกำหนดที่เอื้อต่อทุนผูกขาด ขณะที่ “ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” ของ “พรรคก้าวไกล” ไม่ได้มีการกำหนด การผลิตขั้นต่ำ ไม่กำหนดเรื่องของแรงม้าของเครื่องยนต์ที่ใช้ในการผลิต หรือจะเป็นเรื่องของจำนวนของแรงคนซึ่งตอบโจทก์ของผู้ประกอบการสุราชุมชนของจังหวัดแพร่ได้ทุกมิติดังนั้น หลังจากนี้ จะมีการจัดประชุมหารือกับผู้ประกอบการสุราชุมชนในจังหวัดแพร่ เพื่อยื่นเรื่องที่เป็นปัญหาอุปสรรคในการผลิตเหล้าชุมชน ให้กับ “พรรคก้าวไกล” และ “กรมสรรพสามิต”

ต่อจากนี้จะมีการจัดประชุมหารือกับผู้ประกอบการสุราชุมชนในจังหวัดแพร่ เพื่อ ยืนเรื่องที่ไม่เห็นด้วยต่อ “พรรคก้าวไกล” และ “กรมสรรพสามิต” ให้มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดโดยไม่มีหมกเม็ดเพื่อเอื้อให้กับทุนขนาดใหญ่ที่สามารถดำเนินการได้เท่านั้น แต่ขอบคุณพรรคก้าวไกล ที่นำ “ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า” เข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เป็นการจุดประกายความหวังที่ ของผู้ประกอบสุราชุมชนรายย่อย ที่จะได้ปลดล็อกห่่วงโซ่ที่พันธนาการผู้ผลิตรายย่อยที่จะสามารถพัฒนายกระดับการผลิตของตนเองเพื่อสู่อุตสาหกรรมสุราชุมชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถแข่งขันกับกลุ่มทุนได้อย่างเสรีและเป็นธรรม