Uncategorized

ธรรมนัส ลงพื้นหาเสียง จ.แพร่ ชูนโยบายนำประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เปรียบประวิตร เป็นมหาเธย์ มีความเหมาะสมนั่งนายกรัฐมนตรี(ไฮไลน์)

รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ช่วยลูกพรรคหาเสียงที่ จ.แพร่ ชูนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หลังเลือกตั้งมั่นใจพรรคพลังประชารํฐเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล และ พลเอกประวิตร มีความเหมาะสมนั่งนายกรัฐมนตรี

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 11 พฤศจิกายน 2566  รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า  ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ  พร้อมคณะ ได้เดินทางมาปราศรัยหาเสียงให้กับ  นายสุรสิทธิ์  เพชรปิตุพงศ์  อดีตนายกเทศมนตรีตำบลร้องกวาง ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ เขตเลือกตั้งที่ 2 พรรคพลังประชารัฐ  โดยมีการเปิดเวทีปราศรัยชี้แจงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐณ หน้าศาลาเอนกประสงค์  หมู่ 6 ต.ร้องเข็ม อ.ร้องกวาง จ.แพร่  มีประชาชนมาฟังการปราศรัยประมาณ 5,000 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ได้กล่าวถึง นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีสโลแกนว่า ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่  หมายความว่าต่อไปนี้คนเมืองแพร่ต้องรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน  นักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำท้องถิ่นท้อง ต้องสามัคคีกัน นักการเมืองระดับชาติต้องสามัคคีกัน  ไม่ใช่อยู่ข้างซ้ายข้างขวาตีกันอยู่อย่างนี้  ชาวบ้านก็จะอยู่ลำบาก  ถ้าพี่น้องเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งขวาจัดซ้ายจัดก็จะตีกันอยู่อย่างนี้  พรรคพลังประชารัฐไม่ทะเลาะกับใคร  4 ปีที่ผ่านมาเป็นรัฐมนตรีที่ดูแล 8 จังหวัดภาคเหนือ  ไปทุกจังหวัดที่มีปัญหา ปัญหาเรื่องราคาลำไย  ปัญหาเรื่องข้าว ปัญหาเรื่องน้ำ ไปทุกที่กันดาร ทุกที่มีปัญหา แก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราไม่ต้องการแลนด์สไลด์เพราะไปสะดุดที่ จ.พะเยา และสะดุดที่ จ.แพร่

หลังจากการปราศรัย รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้ให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายหลักของเราคือก้าวข้ามความขัดแย้ง นั่นก็หมายความว่าเราจะพาคนไทยทั้งแผ่นดินรักกัน  สามัคคีกัน  การที่จะอยู่ฝั่งประชาธิปไตยหรือฝั่งอนุรักษ์นิยม มันไม่ได้มีความสำคัญต่อพี่น้องคนไทย  เพราะพีน้องคนไทยต้องการให้มีการแก้ไขในเรื่องของปากท้อง ปัญหาเรื่องมนุษยชน มากกว่าการมาทะเลาะกัน  ซ้ายจัดขวาจัดควรจะเลิกกันแล้วประเทศชาติบอบช้ำมามากพอแล้ว
รอ.ธรรมนัส  ตอบคำถามในการร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นและ พล.อ.ประวิตร พร้อมเป้็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ว่า   หมายความว่าเราจะชวนทุกพรรคเมื่อเราได้รับการเลือกตั้งหลังวันที่ 14 พฤษภาคม แล้ว อย่างผมพรรคพวกเยอะเราจะเอาคนรักบ้านรักเมืองเอามาสามัคคีกันจัดตั้งรัฐบาล ไม่เอาซ้ายจัดขวาจัดเราไม่ทำอย่างนั้น มันทะเลาะกันอย่างนั้นไม่จบกันสักที

ส่วนพล.อ.ประวิตร พร้อมไม่พร้อมดูท่านรักษาการนายกรัฐมนตรี 38 วัน บ้านเมืองสงบ  การทำงานใน ครม.ก็มีความสุข พี่น้องประชาชนที่มีปัญหาสามารถเข้าถึงท่านอย่างไม่ต้องมีเรื่องมากขั้นตอน  บ้านเมืองสงบ 38 วัน  หลายฝ่ายพยายามโจมตีท่านว่าสุขภาพไม่แข็งแรง  การเป็นนายกรัฐมนตรีดูมหาเธย์ ประเทศมาเลเซีย  อายุเท่าไหร่  เขาก็สามารถบริหารบ้านเมืองได้  การบริหารบ้านเมืองต้องใช้สมอง  ไม่ใช้กำลังในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง  สำคัญที่สุดว่า ณ  สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้  หลับตาดูว่าบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะพาบ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งคือใคร  ผมมั่นใจว่าท่านสามารถเป็นผู้นำโดยเฉพาะสถานะการณ์บ้านเมืองในเวลานี้  ก็แตกแยกกันและก็กำลังสู่การเลือกตั้งในกี่วันนี้  หลังเลือกตั้งก็ยังทะเลาะกันอย่างนี้  ฉะนั้นก็ควรจะต้องจัดรัฐบาลที่ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ร่วมได้ทุกพรรคต้องมีอุดมการเหมือนกัน ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง  ไม่ใช่มาเป็นรัฐบาลแล้วนำพาไปสู่ความขัดแย้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นอกจากนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว  ในการปราศรัยได้มีการยกเรื่องของฝายแม่ยมที่มีการขยายการก่อสร้างเพื่อให้รับปริมาณน้ำได้มากขึ้น เพื่อแก้ไขภัยแล้งและน้ำท่วม   ก็มาจากสมัยที่ รอ.ธรรมนัส  เป็นรมช.เกษตร  รวมถึงบัตรประชารัฐ ที่เกิดขึ้นปี 2561  โดยเป็นผลงานของพรรคพลังประชารัฐ และนโยบาย สวัสดิการของรัฐ ในด้านอื่นๆ