“ช่อ ก้าวไกล” นำทีมปราศรัยช่วยหาเสียงให้ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ รัฐบาลเพื่อไทย ก้าวไกล เป็นคำตอบที่ดีที่สุดอนาคตของประเทศ(ไฮไลท์)
ช่อ พรรณิการ์ นำทีม พรรคก้าวไกล ช่วยหาเสียง ผู้สมัคร ส.ส.แพร่ ยัน พรรคฟากประชาธิปไตยแข่งขันกันประชาชนได้ประโยชน์ พรรคที่ได้ ส.ส.อันดับหนึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เชื่อรัฐบาลเพื่อไทย ก้าวไกล จะเป็นส่วนผสมที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศ
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 8 พฤษภาคม 2566 นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ได้เดินทางมาปราศรัยหาเสียง ช่วยผู้สมัคร ส.ส.แพร่ พรรคก้าวไกล โดยมีผู้สมัคร เขตเลือกตั้งที่ 1 นายวิทูรย์ สุรจิตต์ เบอร์ 5 เขตเลือกตั้งที่ 2 นายรฐรส เกิดสรรค์ เบอร์ 6 และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายภาวัช จันใส เบอร์ 4 ณ บริเวณหน้าตลาดสดบ้านบวกโป่ง ต.น้ำชำ อ.สูงเม่น จ.แพร่ และ ลานจามจุรี เยื้องห้างมาร์คโฟร์พลาซ่า ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ มีผู้สนใจเข้ารับฟังาการปราศรัยจำนวนมาก
นางสาวพรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ตอบคำถาม พรรคเพื่อไทย และก้าวไกล กำลังแข่งขันกันเองในการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า มีแข่งขันกันอยู่แล้วถ้าพรรคการเมืองไม่แข่งขันกัน เขาเรียกฮั้วประชาชนเสียผลประโยชน์ ในทุกพื้นที่มีการแข่งขัน และเราแข่งขันกันเต็มที่ แม้อยู่ฝั่งประชาธิปไตยเหมือนกัน แต่มีแนวนโยบายที่แตกต่าง รายละเอียดนโยบายจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกันอยู่บ้าง เป็นคนละพรรคและแข่งขันกัน โดยเอานโยบายมาแข่งขันกันประชาชนได้ประโยชน์ จะบอกกันว่าอย่าแข่งกันเลยถ้าไม่ให้พรรคการเมืองแข่งกันเลยก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้ง เราเชื่อว่าประชาชนเขาชอบแบบไหนเขาเลือกแบบนั้น ประชาชน มีความรู้ความสามารถ มีวิจารณญาณว่าพรรคไหนถูกต้อง ถูกใจเขาและนโยบายถูกใจเขามากที่สุด และสุดท้ายประชาชนเป็นผู้ตัดสินสำหรับเราทำนโยบายที่ดีที่สุดเสนอต่อประชาชน และเราไม่กลัวการแข่งขันหากการแข่งขัน โดยอุดมการณ์ แนวคิดทางการเมืองและนโยบายยิ่งแข่งมากประชาชนยิ่งรู้มาก ประชาธิปไตยยิ่งเกิด
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า โพลเพื่อไทยมี ส.ส.เป็นอันดับหนึ่ง แต่มีการประชาสัมพันธ์ พิธา เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคอันดับหนึ่งจะยอมไหม นางสาวพรรณิการ์ ตอบว่า ตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทยเสนอนายกรัฐมนตรีเป็นใคร?
ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า ฟากประชาธิปไตยได้เสียงเกินครึ่งหนึ่ง พรรคก้าวไกลจะยอมรับบุคคลอื่นเป็นนายกรัฐมนตรีไหม? นางสาวพรรณิการ์ ตอบว่า ตามกระบวนการไม่ว่าเสียงข้างมากจะตัดสินไปทางไหน แต่ว่าพรรคก้าวไกลต้องยอมรับอยู่แล้ว เรื่องนั้นไม่ได้เป็นคำถาม แต่แน่นอนก่อนวันที่ 14 พฤษภาคม เป็นวันที่เราต้องแข่งขันกัน อย่างจริงจังอย่างเต็มขี้นเพื่อให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคตที่บริหารประเทศในอีก 4 ปีเป็นรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพในการบริหาร ซ่อมแซมแก้ไขประเทศได้ ซึ่งเราคิดว่าวันนี้ประชาชนมีฉันทามติร่วมกันทั่วประเทศว่ารัฐบาลเพื่อไทย ก้าวไกล จะเป็นส่วนผสมที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตของประเทศได้
สำหรับใครที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีเราก็ได้พูดมาชัดเจนโดยตลอด อันนี้คงไม่ใช่หน้าที่ของผู้ช่วยหาเสียงเอาเป็นว่าขยายต่อมาจาก แกนนำและผู้บริหารของพรรคก็แล้วกันนะ ผู้บริหารของพรรคพูดมาตลอดตรงกันอยู่แล้วว่ายังไงก็ตามตามกติกาประชาธิปไตยต้องให้โอกาสพรรคการเมืองได้คะแนนอันดับหนึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแต่ถามว่าเราพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่แน่นอนว่าเราพร้อม ณ วันนี้โพลจะเป็นอย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูด แต่ในการหาเสียงที่ผ่านมากระแสตอบรับในโค้งสุดท้ายของประชาชนเราเชื่อมั่นว่าเรามีโอกาสเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อผลการจัดการเลือกตั้งออกมาแล้ว แน่นอนตามกติกาตามธรรมเนียมของประชาธิปไตยต้องให้พรรคอันดับหนึ่งที่จะจัดตั้งรัฐบาล