Uncategorized

อดีตนายกชวน ไหว้พระธาตุช่อแฮประจำปีเกิด ลงพื้นที่ช่วยลูกพรรค ปชป.หาเสียง(ไฮไลน์)

 

อดีตนายกชวน ไหว้เจ้าอาวาสวัดช่อแฮ ช่วยลูกพรรคประชาธิปัตย์หาเสียง ดีใจที่ทุกพรรคนำนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุของพรรคไปใช้หาเสียง วอนขอให้พี่น้องชาวแพร่ที่มั่นคงกับพรรคประชาธิปัตย์ขอให้ยืนหยัดเพราะเป็นพรรคเดียวที่เป็นหลักของบ้านเมืองจริงๆ

เมื่อเวลา 18.30 น.วันที่ 7 พฤษภาคม 2566  นายชวน  หลีกภัย  อดีต นายกรัฐมนตรี  และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์  ได้เดินทางมาช่วยลูกพรรคในพื้นที่จังหวัดแพร่ หาเสียง คือ นายสุรกิจ ศิริวาท เขต 1  นายวิโรจน์ ยิงช้าง เขต 2  และ นายมงคล ภัทรทิพย์มงคล เขต  3  เบอร์ 8 ทั้งสามเขตเลือกตั้ง   และ นายชวน  หลีกภัย ได้เข้านมัสการเจ้าอาวาสพระธาตุช่อแฮพระอารามหลวง ซึ่งเป็นวัดที่เป็นที่ตั้งของพระธาตุช่อแฮ ที่เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของ นายชวน หลีกภัย ที่เกิดปีขาล โดยการหาเสียงได้ขึ้นรถประชาสัมพันธ์หาเสียง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปที่ จ.อุตรดิตถ์
นายชวน  หลีกภัย   กล่าวว่าผู้สื่อข่าวว่า    วันนี้ได้เดินทางมาช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ ที่  จ.เชียงใหม่ แล้วต่อไปที่ จ.เชียงราย ไป จ.พะเยา  ไป จ.น่าน  มา จ.แพร่ ต่อไป จ.อุตรดิตถ์ แล้วไป จ.พิษณุโลก เพือ่ไป กทม.เพราะจะไปปราศรัยที่ สงขลา ดังนั้นเช้ามืดก็จะนั่งเครื่องบินไปจังหวัดตรัง ทั้งนี้ไปหาเสียงแต่ละจังหวัดก็ได้รับการต้อนรับจากพี่น้องด้วยดี แม้ว่าอากาศจะร้อนมากแต่ว่ามีชาวบ้านอุตส่าห์วิ่งมาเตือนว่าอย่าตากแดดมากนัก อันนี้ก็เป็นความกรุณาของชาวบ้านจริงๆ

แต่ว่าโดยที่ผมไม่ใช่คนใหม่ผมเป็นผู้แทนมานาน 55 ปี ตอนนั้นผมจะรู้จักทุกจังหวัด แม้แต่จังหวัดพะเยาก่อนที่จะตั้งจังหวัดก็มาประชุมว่าควรจะอยู่ที่อำเภอพานหรืออำเภอพะเยาดี รวมทั้งผู้แทนรุ่นเก่าซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับผมนี้ไม่เหลือซักคนแล้ว ไม่มีจังหวัดไหนที่เหลืออยู่เลยก็เลยทำให้เป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน เพราะว่าผ่านจังหวัดไหนก็ขออนุญาตเจ้าถิ่นเขา พอมา จ.น่านก็ขออนุญาตหมอชลน่าน มาที่แพร่ก็ขออนุญาตแม่เลี่ยงติ๊ก ก็ได้โทรศัพย์มาแสดงความเสียใจว่าคุณแม่ท่านเสียชีวิต ผมไม่ได้มีโอกาสมางานศพเพราะเป็นช่วงหาเสียง

ขอให้พี่น้องชาวแพร่ทั้งหลายที่มั่นคงกับพรรคประชาธิปัตย์ขอให้ยืนหยัดเพราะพรรคนี้เป็นพรรคเดียวที่เป็นหลักของบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เพียงแค่ใครได้เป็นอะไรสักอย่างแล้วก็เลิกพรรคไปเลย แต่พรรคนี้อยูมา 77 ปี มีหัวหน้าพรรคมา 8 คนที่น่าชื่นชมก็คือ หัวหน้าพรรค 8 คนเสียชีวิตไปแล้ว 4 ยังอยู่ 4 ไม่มีคนไหนถูกสอบเรื่องทุจจริตคอรัปชั่น

ดังนั้นเราเชื่อเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและเล่นการเมืองไม่ใช้ระบบการซื้อเสียง ไม่โกงเลือกตั้งแม้ว่ายากกต่อสู้กับคู่แข่งขันในยุคสมัยนี้ได้แต่ว่าแนวทางนี้เท่านั้นการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมั่นคงอยู่ได้ก็อยากฝากพี่น้องชาวแพร่ซึ่งถือว่าเป็นจังหวัดที่มีความรู้ความเข้าใจการเมืองที่ดีจังหวัดหนึ่ง ขอได้ช่วยยืนหยัดเพื่ออนาคตของประชาธิปไตยในระบบรัฐสภาอันอันทรงมีพระมหากษัตรย์เป็นประมุขและมีความยั่งยืนอยู่ตลอดไป เราช่วยกันรักษาการเมืองที่สุจริต แม้ว่าทุกคนอยากได้เงินก็ตามแต่เชื่อเลยในประสบการณ์ที่เป็นผู้แทนมา 6 สมัยไม่มีนักการเมืองใดใช้เงินแล้วไม่เอาคืนทุกคนเข้าไปลงทุน 20-30 ล้าน ไปเอาคืน 200-300 ล้าน อันนี้ภาษีประชาชนสูญหายไปมาก

เพราะฉะนั้นการเมืองแนวทางสุจริตแบบประชาธิปัตย์เท่านั้นที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเราสามารถยั่งยืนอยู่ได้  ประชาธิปัตย์รู้ปัญหา พัฒนายั่งยืน โครงการทุกเรื่องจึงอยู่ได้ เห็นไหมเบี้ยผู้สูงอายุ ดีใจด้วยทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยหมดแล้ว ตอนที่เราทำใหม่ๆพรรคอื่นเขาไม่เห็นด้วย เขาไม่ให้ พรรคไทยรักไทย 200 บาท ไม่ยอมขึ้นให้เลย พรรคชาติไทย 200 บาทก็ไม่ยอมขึ้นให้เลยเช่นกัน จนกระทั่งเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ผมได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ก็เลยขึ้นเป็น 300 บาท ต่อเดือน  ซึ่งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เงินเท่านี้พอซื้อไข่ไก่ไข่เป็ดกินได้ ส่วนยุคคุณทักษิณอยู่ 5 ปีกว่า ก็ไม่ได้ให้อะไรเลยสักบาทหนึ่งคง 300 บาทเท่าเดิมจนกระทั่งถูกยึดอำนาจ พลเอกสุรายุทธ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีก็เลยเพิ่มอีก 200 เป็น 500 บาท แต่บัดนี้ทุกพรรคการเมืองยอมรับนโยบายนี้หมดแล้ว ว่าเป็นนโยบายที่ดีแม้ว่าเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์เดิมก็ตาม  แต่ผมก็ดีใจที่ทุกพรรคการเมืองเห็นด้วย

เชื่อว่าหลังเลือกตั้งนี้พี่น้องพวกเราทั้งหลายไม่เฉพาะแต่พี่น้องชาวแพร่  แต่พี่น้องสูงอายุที่ไม่มีบำเหน็จบำนาญทั่วประเทศ คือมีรายได้หรือเงินที่ประกันชีวิตให้กับพี่น้องในเบื้องต้นตามอัตภาพ แต่ก็อย่าวางใจตัวเลขที่พรรคการเมืองบางพรรคมาประกาศว่าจะให้เท่านี้พันเท่านั้นพัน เอาเข้าจริงๆไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แต่ก็พอใจที่ทุกพรรคที่เห็นด้วยกับนโยบายที่เป็นหลักประกันเบื้องต้นสำหรับพี่น้องผู้สูงอายุของที่ไม่มีบำเหน็จบำนาญที่จะได้มีรายรับรายจ่ายที่พอประทั่งชีวิตตามอัตภาพได้